สืบค้นข้อมูล : เพียงแต่ว่าระยะทางไกลมากเกินกว่าความสามารถในการติดต่อจะทำได้ถึงที่โลกของเราอยู่เป็นระบบที่ประกอบด้วย ดวงอาทิตย์ (The sun) เป็นศูนย์กลาง มีดาวเคราะห์ (Planets) 9 ดวง ที่เราเรียกกันว่า ดาวนพเคราะห์ ( นพ แปลว่า เก้า) เรียงตามลำดับ จากในสุดคือ ดาวพุธ ดาวศุกร์ โลก ดาวอังคาร ดาวพฤหัส ดาวเสาร์ ดาวยูเรนัส ดาวเนปจูน ดาวพลูโต ( ตอนนี้ไม่มีพลูโตแร้ว เหลือแค่ 8 ดวง )
ตอบข้อ 2. ดาวศุกร์
สืบค้นข้อมูล : นอกจากไฮโดรเจนและฮีเลียมซึ่งเป็นองค์ประกอบเกือบทั้งหมดแล้ว บรรยากาศดาวพฤหัสบดียังมี มีเท แอมโมเนีย แอมโมเนียม ไฮโดรซัลไฟด์ และน้ำเป็นองค์ประกอบย่อย องค์ประกอบเหล่านี้ทำให้ดาวพฤหัสบดีปรากฏมีสีแดงเรื่อๆ ในบริเวณต่างๆอย่างที่เป็น เพราะหากดาวพฤหัสบดีมีเพียงไฮโดรเจนและฮีเลียม ดาวทั้งสองจะเป็นเพียงก้อนก๊าซยักษ์ไร้สีสัน บรรยากาศของดาวพฤหัสบดีมีลมพัดแรงทั้งดวง หลายบริเวณมีความเร็วสูงถึง 650 กิโลเมตร/ชั่วโมง ซึ่งเกิดจากการที่ดาวพฤหัสบดีหมุนรอบตัวเองในเวลาเพียง 10 ชั่วโมงเท่านั้น ( เมื่อเทียบกับขนาดมหึมาของดาวพฤหัสบดีแล้ว นับว่าเป็นความเร็วที่คล้ายกับการหมุนของลูกข่าง ) นอกจากนี้การหมุนที่รวดเร็วยังทำให้ดาวพฤหัสบดีมีลักษณะกลมแป้นคล้ายผลส้มคือ มีเส้นผ่าศูนย์กลางบริเวณศูนย์สูตรยาวกว่าบริเวณขั้วอย่างเห็นได้ชัด (เส้นผ่านศูนย์กลางที่ขั้วและที่เส้นศูนย์สูตร คือ 133,708 และ 142,984 กิโลเมตร ตามลำดับ)
ที่มา : http://www.thaigoodview.com/library/studentshow/2549/prae/narerat/the_solar_system/jupiter.htmตอบข้อ 2. ไฮโดรเจนและฮีเลียม
สืบค้นข้อมูล : ดวงอาทิตย์ เป็นดาวฤกษ์ที่เป็นศูนย์กลางของระบบสุริยะของเรา ดาวเคราะห์ ดาวเคราะห์แคระ ดาวเคราะห์น้อย และดาวหาง ล้วนแล้วแต่โคจรรอบดวงอาทิตย์ทั้งสิ้น ดวงอาทิตย์เป็นดาวฤกษ์ที่สำคัญยิ่งต่อโลก เช่น ให้พลังงานแก่พืชในรูปของแสง และพืชก็เปลี่ยนแสงให้เป็นพลังงานในการตรึงแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ให้เป็นน้ำตาล ตลอดจนทำให้โลกมีสภาวะอากาศหลากหลาย เอื้อต่อการดำรงชีวิต
ดวงอาทิตย์ประกอบด้วยไฮโดรเจนอยู่ร้อยละ 74 โดยมวล ฮีเลียมร้อยละ 25 โดยมวล และธาตุอื่นๆ ในปริมาณเล็กน้อย ดวงอาทิตย์จัดอยู่ในสเปกตรัม G2V ซึ่ง G2 หมายความว่าดวงอาทิตย์มีอุณหภูมิพื้นผิวประมาณ 5,780 เคลวิน (ประมาณ 5,515 องศาเซลเซียส หรือ 9,940 องศาฟาเรนไฮ) ดวงอาทิตย์จึงมีสีขาว แต่เห็นบนโลกเป็นสีเหลือง เนื่องจากการกระเจิงของแสง ส่วน V (เลข 5) บ่งบอกว่าดวงอาทิตย์อยู่ในลำดับหลัก ผลิตพลังงานโดยการหลอมไฮโดรเจนให้เป็นฮีเลียม และอยู่ในสภาพสมดุล ไม่ยุบตัวหรือขยายตัว
ที่มา : http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%94%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%A2%E0%B9%8C
ตอบข้อ 4. ดาวนิวตรอน
ตอบข้อ 4. ดาวนิวตรอน
สืบค้นข้อมูล : ความสว่างของดาวฤกษ์บอกได้จากตัวเลขที่ไม่มีหน่วยที่เรียกว่า อันดับความสว่าง หรือ แมกนิจูด ( Magnitude ) ของดาวที่มีอันดับความสว่างต่างกัน 1 จะสว่าสงมากกว่ากัน 2 เท่าครึ่ง ดดยอันดับความสว่างทีีเป็นบวกหรือตัวเลขมาก ๆ จะมีความสว่างน้อย ๆ เช่นดาวที่มีอันดับความสว่าง - 1 จะมีความสว่างมากกว่าดาวฤกษ์ที่มีความสว่าง 1
ตอบข้อ 4.
สืบค้นข้อมูล : ปีแสง คือ หน่วยของระยะทางในทางดาราศาสตร์ 1 ปีแสง เท่ากับระยะทางที่แสงเดินทางในเวลา 1 ปี จากอัตราเร็วแสงที่มีค่า 299,792.458 กิโลเมตร/วินาที ระยะทาง 1 ปีแสงจึงมีค่าประมาณ 9.4607×1012 กิโลเมตร = 63,241.077 หน่วยดาราศาสตร์ = 0.30660 พาร์เซก เนื่องจากเอกภพมีขนาดมหึมา แสงจากวัตถุท้องฟ้าที่อยู่ไกลจึงใช้เวลาหลายปีกว่าจะเดินทางมาถึงเรา นั่นหมายความว่าเราเห็นอดีตของวัตถุนั้นอยู่ตลอดเวลาที่มา : http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9B%E0%B8%B5%E0%B9%81%E0%B8%AA%E0%B8%87
ตอบข้อ 1.
สืบค้นข้อมูล : เมื่อดาวฤกษ์ใช้เชื้อเพลิงไฮโดรเจนเกือบหมด ฮีเลียมจะกลายเป็นเชื้อเพลิงต่อไป จะเปลี่ยนแปลงเป็นธาตุอื่น ๆ ต่อไปจน
เชื้อเพลิงหมดลง ดาวฤกษ์จะเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงจากการขยายเป็นดาวยักษ์แดง วาระสุดท้ายจะเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับมวลสารของดาวฤกษ์ดาวนั้น
เชื้อเพลิงหมดลง ดาวฤกษ์จะเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงจากการขยายเป็นดาวยักษ์แดง วาระสุดท้ายจะเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับมวลสารของดาวฤกษ์ดาวนั้น
สืบค้นข้อมูล : ดาวฤกษ์ส่องแสงได้เนื่องจากมันมีความร้อนสูง มันได้รับพลังงานมาจากปฏิกิริยานิวเคลียร์ที่เกิดขึ้นภายใน แต่น้อง ๆ เคยสังเกตบ้างหรือไม่ว่ามันมีสีที่แตกต่างกัน?
ดาวฤกษ์ส่งคลื่นแสงออกไป แต่แสงนั้นจะเปลี่ยนแปลงไปเมื่อดาวฤกษ์เคลื่อนที่ ขณะที่ดาวฤกษ์เคลื่อนที่เข้าหาเรา แสงของมันจะขาวขึ้น แต่เมื่อมันเคลื่อนที่ออกไปไกลจากเรามันจะทอดหางออกมาเป็นแสงสีแดง
ในปีพ.ศ. 2463 (ค.ศ. 1920) นักดาราศาสตร์ต่างก็ต้องประหลาดใจที่ได้พบว่ากาแล็กซีที่รู้จักกันดีส่วน ใหญ่จะมีโทนสีแดง ทำไมมันอย่างนั้นล่ะ? เหตุผลก็คือกาแล็กซีส่วนใหญ่จะเดินทางออกห่างจากเรา ด้วยความเร็วสูงกว่านั้น อาจจะถึงหลายหมื่นไมล์ต่อวินาทีเลยทีเดียว
ดาวฤกษ์ส่งคลื่นแสงออกไป แต่แสงนั้นจะเปลี่ยนแปลงไปเมื่อดาวฤกษ์เคลื่อนที่ ขณะที่ดาวฤกษ์เคลื่อนที่เข้าหาเรา แสงของมันจะขาวขึ้น แต่เมื่อมันเคลื่อนที่ออกไปไกลจากเรามันจะทอดหางออกมาเป็นแสงสีแดง
ในปีพ.ศ. 2463 (ค.ศ. 1920) นักดาราศาสตร์ต่างก็ต้องประหลาดใจที่ได้พบว่ากาแล็กซีที่รู้จักกันดีส่วน ใหญ่จะมีโทนสีแดง ทำไมมันอย่างนั้นล่ะ? เหตุผลก็คือกาแล็กซีส่วนใหญ่จะเดินทางออกห่างจากเรา ด้วยความเร็วสูงกว่านั้น อาจจะถึงหลายหมื่นไมล์ต่อวินาทีเลยทีเดียว
สืบค้นข้อมูล : ความสว่างและสีของดาว เมื่อเราสังเกตดาวบนท้องฟ้า นอกจากกลุ่มดาวแล้ว สิ่งที่น่าสังเกตและน่าสนใจอีกสิ่งหนึ่งก็คือ เราจะเห็นว่าดาวแต่ละดวงมีความสว่างและสีไม่เหมือนกัน ตัวอย่างเช่น ดาวซิริอุส (Sirius) ในกลุ่มดาวสุนัขใหญ่ (Canis Major) เป็นดาวฤกษ์ที่เราเห็นว่ามีความสว่างที่สุดบนท้องฟ้าในตอนกลางคืน และมีสีขาว ส่วนดาวเหนือ (Polaris) ในกลุ่มดาวหมีเล็ก (Ursa Minor) เป็นดาวฤกษ์ที่ไม่ค่อยสว่าง และมีสีเหลืองแกมเขียว เป็นต้น ความสว่างของดาวฤกษ์บนท้องฟ้า เป็นความสว่าง ปรากฏแก่ตาของเรา ความจริงแล้ว ดาวที่ปรากฏไม่สว่างมาก อาจมีความจริงมากก็ได้ แต่เนื่องจากดาวดังกล่าวอยู่ไกลจากเรามากจึงปรากฏไม่ค่อยสว่าง ดังนั้นถ้าจะเปรียบเทียบความสว่างของดาวฤกษ์กันจริง ๆ แล้ว จะต้องเปรียบเทียบดาวที่ระยะ ทางเดียวกันหมด
นักดาราศาสตร์นิยมกำหนดความสว่างของดาวในเทอมของ “โชติมาตร (Magnitude)” ซึ่งเป็นค่า ระดับความสว่าง โดยกำหนดว่า ดาวที่มีโชติมาตร 1 จะมีความสว่างปรากฏมากกว่าดาวที่มีโชติมาตร 6 ประมาณ 100 เท่า และดาวที่มีโชติมาตร 6 จะเป็นดาวที่มีความสว่างปรากฏที่น้อยที่สุดที่ตาของคนปกติสามารถ มองเห็นได้ โดยไม่ใช้กล้องสองตาหรือกล้อง ดูดาวช่วย จากข้อกำหนดดังกล่าว จึงพบว่าถ้าดาว 2 ดวงมีค่าโชติมาตรต่างกัน 1 แล้วความสว่างของดาวทั้ง 2 ดวงนี้จะต่างกัน 2.512 เท่า ตัวอย่างเช่น ดาวโชติมาตร 2 จะสว่างกว่าดาวโชติมาตร 3 ประมาณ 2.512 เท่า เป็นต้น
© ดาววีกา (Vega) ซึ่งเป็นดาวที่ มีค่าโชติมาตร 0 จะสว่างกว่า ดาวเหนือ ซึ่งเป็นดาวที่มีโชติมาตร 2 กี่เท่า
ถ้าจะเปรียบ เทียบความสว่างที่แท้จริงของดาวแล้ว จะต้องพิจารณาเปรียบเทียบดาวทุกดวงที่ระยะทางเท่ากันหมด นักดาราศาสตร์พิจารณาค่าความสว่างหรือโชติมาตรที่แท้จริงของดาวโดย จะพิจารณาดาวทุดดวงอยู่ที่ระยะมาตรฐาน 10 พาร์เซค (Parsec) โดยระยะทาง 1 พาร์เซค มีค่าเท่ากับ 3.26 ปีแสง หรือประมาณ 30 ล้านล้านกิโลเมตร และเรียกค่าโชติมาตรของดาว เมื่อพิจารณาระยะ 10 พาร์เซค นี้ว่า “โชติมาตรสัมบูรณ์ (Absolute Magnitude , m) ส่วนค่าโชติมาตรของดาว ณ ระยะทางที่แท้จริง (d) ของดาว เรียกว่า “โชติมาตรปรากฏ (Apparent Magnitude , m) โดยค่าทั้ง 3 สัมพันธ์กับตามสมการต่อไปนี้
นักดาราศาสตร์นิยมกำหนดความสว่างของดาวในเทอมของ “โชติมาตร (Magnitude)” ซึ่งเป็นค่า ระดับความสว่าง โดยกำหนดว่า ดาวที่มีโชติมาตร 1 จะมีความสว่างปรากฏมากกว่าดาวที่มีโชติมาตร 6 ประมาณ 100 เท่า และดาวที่มีโชติมาตร 6 จะเป็นดาวที่มีความสว่างปรากฏที่น้อยที่สุดที่ตาของคนปกติสามารถ มองเห็นได้ โดยไม่ใช้กล้องสองตาหรือกล้อง ดูดาวช่วย จากข้อกำหนดดังกล่าว จึงพบว่าถ้าดาว 2 ดวงมีค่าโชติมาตรต่างกัน 1 แล้วความสว่างของดาวทั้ง 2 ดวงนี้จะต่างกัน 2.512 เท่า ตัวอย่างเช่น ดาวโชติมาตร 2 จะสว่างกว่าดาวโชติมาตร 3 ประมาณ 2.512 เท่า เป็นต้น
© ดาววีกา (Vega) ซึ่งเป็นดาวที่ มีค่าโชติมาตร 0 จะสว่างกว่า ดาวเหนือ ซึ่งเป็นดาวที่มีโชติมาตร 2 กี่เท่า
ถ้าจะเปรียบ เทียบความสว่างที่แท้จริงของดาวแล้ว จะต้องพิจารณาเปรียบเทียบดาวทุกดวงที่ระยะทางเท่ากันหมด นักดาราศาสตร์พิจารณาค่าความสว่างหรือโชติมาตรที่แท้จริงของดาวโดย จะพิจารณาดาวทุดดวงอยู่ที่ระยะมาตรฐาน 10 พาร์เซค (Parsec) โดยระยะทาง 1 พาร์เซค มีค่าเท่ากับ 3.26 ปีแสง หรือประมาณ 30 ล้านล้านกิโลเมตร และเรียกค่าโชติมาตรของดาว เมื่อพิจารณาระยะ 10 พาร์เซค นี้ว่า “โชติมาตรสัมบูรณ์ (Absolute Magnitude , m) ส่วนค่าโชติมาตรของดาว ณ ระยะทางที่แท้จริง (d) ของดาว เรียกว่า “โชติมาตรปรากฏ (Apparent Magnitude , m) โดยค่าทั้ง 3 สัมพันธ์กับตามสมการต่อไปนี้
M = m – 5 log d + 5
โดยระยะทาง d มีหน่วยเป็นพาร์เซค
©ดาวฤกษ์ดวงหนึ่งมีค่าโชติมาตร สัมบูรณ์ เท่ากับ 0 อยู่ห่างจากโลก 100 พาร์เซคเราสามารถมองเห็นดาวฤกษ์ดวงนี้ได้ด้วยตาเปล่าหรือไม่ จงให้เหตุผลประกอบ
เมื่อถ่ายภาพดาว ฤกษ์ พบว่า ดาวฤกษ์แต่ละดวงจะมีขนาดแตก ต่างกันไป ขนาดของดาวฤกษ์ที่ปรากฏอยู่บน ภาพถ่ายจะสัมพันธ์กับความสว่างของดาวฤกษ์ เราอาจถ่ายภาพของดาวฤกษ์ได้โดยใช้กล้องถ่ายภาพแบบเลนส์เดี่ยว ธรรมดาหรือกล้องถ่ายภาพ ซี ซี ดี ติดเข้ากับกล้อง ดูดาว จากภาพถ่ายของ ดาวฤกษ์จะเห็นว่าดาวสว่างจะมีขนาดใหญ่ และดาวหรี่จะมีขนาดเล็ก ภาพที่ 9 แสดงภาพของกระจุกดาวฮายเอเดส (Hyades) ซึ่งเป็นกระจุกดาวที่อยู่ในกลุ่มดาวราศีพฤษภ (Taurus) และภาพที่ 10 แสดงภาพวาดของกระจุดดาวฮายเอเดส ซึ่งวงกลมแต่ละวงจะมีขนาดเท่ากับดาวแต่ละดวงในภาพที่ 9 และในภาพดังกล่าวจะมีดาวมาตรฐาน (Standard Stars) ที่เราทราบค่าโชติมาตรปรากฏที่แน่นอน ดังแสดงในตาราง
©ดาวฤกษ์ดวงหนึ่งมีค่าโชติมาตร สัมบูรณ์ เท่ากับ 0 อยู่ห่างจากโลก 100 พาร์เซคเราสามารถมองเห็นดาวฤกษ์ดวงนี้ได้ด้วยตาเปล่าหรือไม่ จงให้เหตุผลประกอบ
เมื่อถ่ายภาพดาว ฤกษ์ พบว่า ดาวฤกษ์แต่ละดวงจะมีขนาดแตก ต่างกันไป ขนาดของดาวฤกษ์ที่ปรากฏอยู่บน ภาพถ่ายจะสัมพันธ์กับความสว่างของดาวฤกษ์ เราอาจถ่ายภาพของดาวฤกษ์ได้โดยใช้กล้องถ่ายภาพแบบเลนส์เดี่ยว ธรรมดาหรือกล้องถ่ายภาพ ซี ซี ดี ติดเข้ากับกล้อง ดูดาว จากภาพถ่ายของ ดาวฤกษ์จะเห็นว่าดาวสว่างจะมีขนาดใหญ่ และดาวหรี่จะมีขนาดเล็ก ภาพที่ 9 แสดงภาพของกระจุกดาวฮายเอเดส (Hyades) ซึ่งเป็นกระจุกดาวที่อยู่ในกลุ่มดาวราศีพฤษภ (Taurus) และภาพที่ 10 แสดงภาพวาดของกระจุดดาวฮายเอเดส ซึ่งวงกลมแต่ละวงจะมีขนาดเท่ากับดาวแต่ละดวงในภาพที่ 9 และในภาพดังกล่าวจะมีดาวมาตรฐาน (Standard Stars) ที่เราทราบค่าโชติมาตรปรากฏที่แน่นอน ดังแสดงในตาราง
ชื่อดาว | ค่าโชติมาตรปรากฏ (m) |
a Tau e Tau r Tau 58 Tau 48 Tau | + 2.39 + 4.56 + 4.90 + 5.48 + 6.72 |
ตารางแสดง ค่าโชติมาตรปรากฏของดาวฤกษ์บางดวงในกระจุกดาวฮายเอเดสที่ใช้เป็นดาวมาตรฐาน
ภาพแสดง กระจุกดาวฮายเอเดสในกลุ่มดาวราศีพฤษภ |
ภาพแสดงภาพวาดของกระจุกดาวฮายเอเดส |
© จากภาพที่ 10 ลองวัดขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง (d) ของดาวมาตรฐานทุกดวงที่ระบุในตารางที่ 1 โดยขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของดาวจะแปรผันโดยตรงกับค่าความสว่าง (L) ของดาวนั้น อย่างไรก็ตามนักดาราศาสตร์พบว่าค่าโชติมาตรปรากฏ (m) จะแปรผันกับค่าลอการิทึมของค่าความสว่างของดาว กล่าวคือ
m a log L
ดังนั้น m a log d
จากความสัมพันธ์ดังกล่าวข้าง ต้น ถ้าเขียนกราฟความสัมพันธ์ ระหว่างค่าโชติมาตรปรากฏในตารางที่ 2-1 กับขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของดาวแต่ละดวง ก็จะได้กราฟเส้นตรงและกราฟเส้นตรงดังกล่าวจะใช้เป็น กราฟมาตรฐานที่จะใช้หาค่าโชติมาตรปรากฏของดาวดวงอื่น ๆ ที่อยู่ในภาพที่ 10 ได้
จงเลือกดาวในภาพ ที่ 10 จำนวนหนึ่ง แล้ววัดเส้นผ่านศูนย์กลางของดาวเหล่านั้นและหาค่าโชติมาตรปรากฏของ ดาวดังกล่าว โดยใช้กราฟมาตรฐานที่สร้างจาก ดาวมาตรฐาน
ดังได้เคยกล่าวมาแล้วว่า ดาวฤกษ์แต่ละดวงมีสีแตกต่างกันไป ดาวฤกษ์อาจมีสีน้ำเงิน สีขาว สีเหลือง สีส้ม หรือสีแดง สีของดาวฤกษ์จะเป็นอย่างไรนั้น ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิของดาวฤกษ์
© สังเกตเปลวไฟสีน้ำเงิน และเปลวไฟสีแดง เราพอคาดคะเนได้หรือไม่ว่าเปลวไฟสีใดมีอุณหภูมิสูงกว่ากัน จงให้เหตุผลประกอบ
นักดาราศาสตร์ วิเคราะห์ค่าอุณหภูมิผิวของดาว สัมพันธ์กับสีของดาวดังตารางต่อไปนี้
จงเลือกดาวในภาพ ที่ 10 จำนวนหนึ่ง แล้ววัดเส้นผ่านศูนย์กลางของดาวเหล่านั้นและหาค่าโชติมาตรปรากฏของ ดาวดังกล่าว โดยใช้กราฟมาตรฐานที่สร้างจาก ดาวมาตรฐาน
ดังได้เคยกล่าวมาแล้วว่า ดาวฤกษ์แต่ละดวงมีสีแตกต่างกันไป ดาวฤกษ์อาจมีสีน้ำเงิน สีขาว สีเหลือง สีส้ม หรือสีแดง สีของดาวฤกษ์จะเป็นอย่างไรนั้น ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิของดาวฤกษ์
© สังเกตเปลวไฟสีน้ำเงิน และเปลวไฟสีแดง เราพอคาดคะเนได้หรือไม่ว่าเปลวไฟสีใดมีอุณหภูมิสูงกว่ากัน จงให้เหตุผลประกอบ
นักดาราศาสตร์ วิเคราะห์ค่าอุณหภูมิผิวของดาว สัมพันธ์กับสีของดาวดังตารางต่อไปนี้
สีของดาว | ช่วงอุณหภูมิผิวของดาว(เคลวิน) |
น้ำเงิน น้ำเงิน – ขาว ขาว เหลือง ส้ม แดง | 11,000 – 40,000 7,500 – 11,000 6,000 – 7,500 5,000 – 6,000 3,500 – 5,000 3,000 – 3,500 |
© สังเกตดาวฤกษ์สว่างต่าง ๆ เช่น ไรเจล วีกา ซิริอุส โปรซิออน คาเพลลา อาร์คตูรุส แอนทารีส บีเทลจูล เป็นต้นแล้วลองประมาณค่าอุณหภูมิของดาวฤกษ์เหล่านี้
ตอบข้อ 3.6.25เว็บไซต์เกี่ยวข้อง1. http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A2%E0%B8%B0
2. http://www.thaispaceweather.com/IHY/Stars/star.htm
3. http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AA%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%AD%E0%B8%A7%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A8%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%84%E0%B8%B1%E0%B8%9F%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B8%B5
4. http://www.thaigoodview.com/library/teachershow/chanthaburi/wassana_s/science_p_01/sec01p030.html
5. http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A1
6. http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A2%E0%B8%B8%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%B2
7. http://www.thaigoodview.com/library/teachershow/phayao/oraphin_s/darasat/section2_p02.html
8. http://www.space.mict.go.th/knowledge.php?id=apps_2_1
9. http://www.anek2009.ob.tc/earth_astro/eart4.htm
10. http://www.mongkoldham.com/text%5CsanRMC_519.pdf
งานครบ ให้คะแนน 90 คะแนน
ตอบลบครบ 95 คะแนนจ่ะ
ตอบลบ